โครงสร้างหน้าที่ของเซลล์พืช-สัตว์
เซลล์สัตว์
เซลล์พืช
โครงสร้างหน้าที่ของเซลล์พืช-สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์ถึงแม้จะมีลักษณะและรูปร่างแตกต่างกัน แต่มีโครงสร้างพื้นฐานหรือส่วนประกอบที่สำคัญภายในเซลล์คล้ายคลึงกัน
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
2. ผนังเซลล์ (Cell Wall) เป็นผนังแข็งแรงอยู่ชั้นนอกสุดของเซลล์พืชส่วนใหญ่สร้างจากสารเซลโลโลส เป็นส่วนที่ไม่มีชีวิต ทำให้เซลล์ทนทานและเป็นเยื่อที่ยอมให้สารต่าง ๆ ผ่านเข้าและออกจากเซลล์ได้ มีหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและป้องกันอันตรายให้กับเซลล์
3. ครอโรพลาสต์ (Chlorplast) พบในไซโทรพลาสซึม ของเซลล์พืชบางชนิด มีลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวมีเยื่อหุ้ม 2 ชั้น โดยชั้นนอกทำหน้าที่ควบคุมโมเลกุลของสารที่ผ่านเข้าออกชั้นในมีสารสีเขียวที่เรียกว่า ครอโรฟิลล์ (Cholorophyll) มีสมบัติดูดพลังงานแสงมาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ทำให้พืชสามารถสร้างอาหารได้เอง ซึ่งเซลล์สัตว์ไม่มีครอโรพลาสต์
4. ไซโตพลาสซึม (Cytoplasm) เป็นของเหลวที่มีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดรวมทั้งส่วนที่เป็นออร์แกเนลล์ (Organelle) เป็นส่วนประกอบที่เทียบได้กับอวัยวะที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ ให้แก่เซลล์มีหลายอย่าง เช่น ไรโบโซม (ribosome) มีลักษณะเป็นวงกลมหรือรูปไข่ทำหน้าที่สร้างหรือสังเคราะห์โปรตีน
5. เยื่อหุ้มเซลล์ (Cell Membrane) เยื่อหุ้มเซลล์ส่วนใหญ่ประกอบด้วยโมเลกุลของโปรตีนและไขมันมีลักษณะเป็นเยื่อบ่าง ๆ มีความยืนหยุ่นได้ และมีรูพรุนสามารถจำกัดขนาดของสารที่ผ่านเข้าออกได้ จึงมีสมบัติเป็นเยื่อเลือกผ่าน คือ ยอมให้โมเลกุลของสารขนาดเล็กผ่านได้ เช่น น้ำ ก๊าซออกซิเจน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนสารขนาดใหญ่ผ่านไม่ได้ เช่น โปรตีน หน้าที่ คือ ห่อหุ้มเซลล์ทำให้เซลล์คงรูปอยู่ได้ ช่วยคัดเลือกสารและควบคุมปริมาณของสารที่ผ่านเข้าและออกจากเซลล์
6. กอลจิบอดี (Golgi boby) หรืออีกอย่างหนึ่งว่า กอจิแอพพาราทัส มีลักษณะเป็นท่อหรือถุงแบน ๆ เรียนซ้อนกันหลายชั้น ทำหน้าที่เป็นแหล่งสร้างคาร์โบโฮเดรตที่รวมกับโปรตีนซึ่งสร้างมาจากร่างแหเอนโดพลาสมิกเรติคูรัมและมีส่วนสำคัญในการสร้างผนังเซลล์ของพืชและสารเคลือบเยื่อหุ้มเซลล์ของสัตว์
7. ร่างแหเอนโดพลาสมิกเรติคูรัม (Endoplasmic Reticulum) มีลักษณะเป็นเยื่อบาง ๆ สองชั้นเรียงทบไปทบมาคล้ายถุงแบน ๆ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือชนิดที่มีไรโบโซมเกาะอยู่ ทำหน้าที่สังเคราะห์โปรตีนและเป็นทางส่งโปรตีนนี้ออกนอกเซลล์ และชนิดที่ไม่มีไรโบโซมเกาะอยู่
8. ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) มีลักษณะกลมจนถึงเรียวแตกต่างกันตามชนิดของสิ่งมีชีวิตทำหน้าที่เป็นแหล่งสร้างพลังงานให้แก่เซลล์
9. แวคิวโอล (Vaculoe) มีลักษณะเป็นถุงใสที่มีขนาดและรูปร่างไม่แน่นอนทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำในเซลล์ สะสมน้ำ เก็บอาหาร และขับของเสียที่เป็นของเหลว
10. นิวเคลียส (Nucleus) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเซลล์ มีลักษณะค่อนข้างกลม มีเยื่อหุ้ม 2 ชั้น มีรูเล็ก ๆ เป็นเยื่อเลือกผ่านซึ่งเป็นทางผ่านของสารต่าง ๆ เข้าและออกจากนิวเคลียส ภายในมีโครโมโซม บนโครโมโซมมีหน่วยพันธุกรรมหรือยีนอยู่
หน้าที่ ของนิวเคลียส เป็นศูนย์กลางในการควบคุมการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต และควบคุมการทำงานของเซลล์และการเจริญเติบโตเป็นแหล่งสังเคราะห์สารพันธุกรรมและควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนภายในเซลล์
ส่วนประกอบของนิวเคลียส มีดังนี้
1. เยื่อหุ้มนิวเคลียส (Nuclear membrane)
- มีลักษณะเหมือนกับเซลล์เมมเบรน
- ประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมัน บางครั้งจะมีไรโบโซมมาเกาะอยู่
- จะมีรู (pores) มากมาย ซึ่งเป้นทางผ่าน เข้าออกของสารต่าง ๆ
2. โครมาติน (Chromatin)
- เป็นส่วนของนิวเคลียสที่ติดสีย้อม
- ส่วนที่ติดสีย้อมเข้มเรียกว่า เฮทเทอโรโครมาติน (heterochromatin)
- ส่วนที่ติดสีจาง ๆ เรียกว่า ยูโครมาติน (euchromatin) ซึ่งเป็นที่อยู่ของยีนหรือดีเอ็นเอ
- โครมาตินจะหดสั้นเข้าและหนาในขณะที่เซลล์มีการแบ่งตัวซึ่งเรียกว่า โครโมโซม
- สิ่งมีชีวิต แต่ละชนิดก็จะมีจำนวนโครโมโซม แตกต่างกันไป
3. ส่วนประกอบของนิวเคลียส
- มีรูปร่างกลม ๆ จำนวนไม่แน่นอนเกาะติดกับโครโมโซม
- เป็นส่วนที่ติดสีย้อมชัดเจน
- องค์ประกอบทางเคมี คือโปรตีน, RNA และเอ็นไซม์อีกหลายตัว
- ทำหน้าที่ของเกี่ยวข้องกับการแบ่งเซลล์ข้อควรรู้ เซลล์เม็ดเลือดแดง เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ไม่มีนิวเคลียส
ตารางเปรียบเทียบเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
โครงสร้างและหน้าที่การทำงานของออร์กาเนลล์ต่างๆ
ระหว่างเซลล์ของพืชและสัตว์
ออร์แกเนลล์
|
โครงสร้าง
|
หน้าทีการทำงาน
|
1.Cell wall | ประกอบด้วยเส้นใยเซลล์ลูโลส | ปกป้องและค้ำจุน |
2.Plasma membrane | เป็นฟอสโฟลิพิดเรียงกัน 2 ชั้น และมีโปรตีนแทรก | เป็นเยื่อเลือกผ่านของสารที่ผ่านเข้าออก ระหว่างเซลล์ |
3.Nucleus | ประกอบด้วยเยื่อหุ้มล้อมรอบนิวคลีโอ- ปลาสซึม,โครมาตินและนิวคลีโอลัส | เป็นที่เก็บสารพันธุกรรม |
4.Nucleolus | เป็นบริเวณที่รวบรวมโครมาทิด, RNA,โปรตีน | สร้างและสะสม RNA |
5.Ribosome | ประกอบด้วยหน่วยย่อยของโปรตีนและ RNA | สังเคราะห์โปรตีน |
6.Edoplasmic reticulum(ER) | โครงสร้างที่มีเยื่อหุ้ม 2 ชั้น ลักษณะเป็นท่อยาวแบน | สังเคราะห์หรือเสริมสร้างโปรตีนหรือ สารอื่นๆขนส่งสาร |
7.Rough ER | เป็น ER ที่มีไรโบโชมเกาะอยู่ | สังเคราะห์โปรตีน |
8.smooth ER | เป็น ER ที่ไม่มีไรโบโซม | มีหน้าที่หลายอย่าง เช่น กำจัดสารพิษ สร้างสารสเตรอยด์ ขนส่งไกโคเจน |
9.Golgi body | เป็นถุงแบนมีเยื่อหุ้ม เรียงซ้อนกันหลายอัน ปลายของถุงมักพองออก | สังเคราะห์สารประกอบหลายชนิด เช่น คาร์โบไฮเดรต ขับสารประกอบต่างๆ |
10.Vacuole and vesicle | เป็นถุงที่มีเยื่อหุ้ม | เก็บสะสมสารต่างๆสะสมน้ำเรียกcontractile vacule สะสมอาหารเรียก foodvacule |
11.Lysosome | เป็นถุงที่ทีเยื่อหุ้มภายในมีhydrolytic enzyme | ย่อยสลายองค์ประกอบภายในเซลล์ |
12.Microbody | เป็นถุงที่มีเยื่อหุ้มภายในมีเอนไซน์เฉพาะ | นำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆของเซลล์ |
13.Mitocondria | เป็นก้อนกลมหรือวงรี มีเยื่อหุ้ม 2 ชั้นเยื่อหุ้มชั้นในเรียก cristae | แหล่งผลิตพลังงาน,การหายใจระดับเซลล์ |
14.Chloroplas* (พบเฉพาะในเซลล์สัตว์) | เป็นก้อนกลม รี เยื่อหุ้ม 2 ชั้น เยื่อชั้นในเรียก grana | การสังเคราะห์แสง |
15.Cytoskeleton | ไมโครทิวบูล เป็นเส้นยาวไม่แตกแขนง มีโปรตีนทูบิลินเป็นหน่วยย่อย | ทำให้เซลล์คงรูปร่าง ช่วยในการเคลื่อนที่ของเซลล์ |
16.Cilia and Flagella | แท่งของไมโครทิวบูลเรียงกันในรูปแบบ 9+2 | ช่วยในการเคลื่อที่ของเซลล์ |
17.Centriole | เป็นแท่งของไมโครทิวบูลเรียงกันแบบ 9+0 | สร้างสายสปินเดิลในการแบ่งเซลล์หรือเป็นส่วน ฐานของซิเลียและแฟลเจลลา |
...............เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
...........................
เซลล์พืช
|
เซลล์สัตว์
|
1. เซลล์พืชมีรูปร่างเป็นเหลี่ยม | 1. เซลล์สัตว์มีรูปร่างกลม หรือรี |
2. มีผนังเซลล์อยู่ด้านนอก | 2. ไม่มีผนังเซลล์ แต่มีสารเคลือบเซลล์อยู่ด้านนอก |
3. มีคลอโรพลาสต์ภายในเซลล์ | 3. ไม่มีคลอโรพลาสต์ |
4. ไม่มีเซนทริโอล | 4. มีเซนทริโอลใช้ในการแบ่งเซลล์ |
5. แวคคิวโอลมีขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน | 5. แวคคิวโอลมีขนาดเล็ก มองเห็นได้ไม่ชัดเจน |
6. ไม่มีไลโซโซม | 6. มีไลโซโซม |
ดีดี
ตอบลบ